วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

กรณีตัวอย่าง

กรณีตัวอย่าง



"เปรมหรือ กรณัฐ การุณย์ หนุ่มวัย 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ก็ยอมรับว่าติดทั้งไลน์ เฟซบุ๊ก รวมทั้งเกมส์ รวมถึงโทรศัพท์มือถือ

"ผม ว่ามันสำคัญ ผมชอบโหลดเกมส์มาเล่น ซึ่งหลายเกมเป็นเกมส์ออนไลน์ ต้องใช้เวลาเล่นที่ต่อเนื่อง เพราะต้องเเข่งขันกับเวลา เเละคู่ต่อสู้คนอื่น เเน่นอนว่าผมต้องนั่งก้มจ้องโทรศัพท์ตลอด"

นอกจากจะเป็นปัญหาทางจิตเเล้ว การติดโทรศัพท์ได้สร้างปัญหาทางกายให้กับกรณัฐอีกด้วย

"หลาย ครั้งก็ปวดหัว ปวดตา ปวดเมื่อยหลัง เเละปวดช่วงต้นคอ" กรณัฐบอก เเละเผยอีกว่า "การ ติดโทรศัพท์มีผลกระทบต่อการเรียนของตัวเองบ้าง เพราะหลายๆ เกมส์สนุกจนดึงดูดความสนใจมากกว่าวิชาเรียนที่อยู่ตรงหน้า ว่างเมื่อไหร่ก็หยิบทันที เเละทุกครั้งที่อยู่คนเดียวก็หยิบมาเล่น หรืออย่างพักหลังๆ นี้แม้ว่าอยู่กับเพื่อน หากว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็หยิบโทรศัพท์มาเล่นเลยเหมือนกัน" 





"บีบี" ภูษิตา พลรักษ์ พนักงานออฟฟิศวัย 23 ปี ซึ่งบอกเล่าว่า โทรศัพท์เป็นสิ่งเเรกที่เธอหยิบ เเละเป็นสิ่งสุดท้ายที่วางก่อนนอน โดยแอพพลิเคชั่นประจำของเธอคือ เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม เเละมีกิจกรรมสำคัญคือ "ถ่ายรูป"

"ไม่ รู้ว่าติดโทรศัพท์หรือเปล่า เเต่เป็นสิ่งที่ห้ามลืม เเละแฟนชอบบ่นว่า พอไม่เจอกันก็บอกว่าคิดถึง พอเมื่ออยู่ด้วยกัน ก็เล่นเเต่โทรศัพท์ จนต้องตั้งกฎว่า เวลาอยู่ด้วยกันต้องห้ามเล่น" ภูษิตาเผย

ถามว่า มีปัญหาที่เกิดขึ้นจากการติดโทรศัพท์ไหม?

"เคย มี ตอนนั้นเราเล่นโทรศัพท์เเชต ถ่ายรูปทั้งวันจนเเบตหมด เเล้วมารู้ทีหลังว่าจังหวะนั้นมีคนโทร.มาติดต่อให้เราไปทำงาน ซึ่งเมื่อเราโทร.กลับไป ก็พบว่าเขาเลือกคนอื่นทำงานเเทนเราไปเเล้ว"




นพ.ประยูร เจนตระกูลโรจน์ ผู้ อำนวยการโรงพยาบาลผิวหนังอโศกเเละแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง ที่ถึงเเม้จะมีอาชีพหลักเป็นนายเเพทย์ เเต่เมื่อตัวเองมีประสบการณ์ตรงจากผลกระทบของปัญหาโทรศัพท์ ทำให้เริ่มค้นหาข้อมูล ก่อนจะเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรคประหลาด นี้ให้ฟัง

คุณหมอเล่าว่า ครั้งหนึ่งที่กำลังเดินพักผ่อนในห้างสรรพสินค้า ผมเกิดทำมือถือหาย จังหวะนั้นความกังวลใจเเละความเครียดเข้ามาในหัวเลย เราคิดทันทีว่า เอ๊ยถ้าโรงพยาบาลโทร.ตามเพราะมีเคสพิเศษล่ะคนไข้จะเป็นอย่างไร?

"การ ไม่มีโทรศัพท์ทำให้เรารู้สึกว่ามีปัญหาเเล้ว การขาดการติดต่อ ให้ความรู้สึกไม่เป็นสุข เเทนที่จะได้พักผ่อน เป็นเวลาสบาย กลับกลายเป็นความฉุกเฉิน เเละพยายามพาตัวเองกลับไปอยู่ในลักษณะที่พร้อมจะสื่อสารให้ได้"

จาก เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ นพ.ประยูรติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอาการที่ตัวเองประสบ กระทั่งได้ข้อวิธีการสังเกตของอาการดังที่ได้กล่าวมาแล้ว รวมถึงวิธีการรักษา

นพ.ประยูรได้ให้ความรู้ว่า ต้องใช้การรักษาแบบ Connitive Behavior Therapy (CBT) ซึ่ง เป็นการรักษาที่นิยมใช้ในกลุ่มผู้มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และอาการกลัวในระดับต่างๆ ทำโดยการปรับเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนแปลงความเชื่อเฉพาะตัวเเละกรอบความคิดเพื่อให้ผู้ป่วยเห็นปัญหาใน ปัจจุบัน เเละสามารถลำดับความสำคัญของปัญหาเพื่อเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขได้

คนส่วนใหญ่ที่รับการรักษาจนหายดีเเล้ว จะรู้สึกเป็นอิสระมากขึ้นเมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือให้ต้องมาคอยเป็นกังวล

เเต่ห ากสำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการติดโทรศัพท์ อาจารย์หมอบอกว่า อาจลองรักษาด้วยตัวเองก่อน เริ่มง่ายๆ จากการลองใช้ชีวิตโดยปราศจากมือถือสักช่วงหนึ่ง

"อาจ เป็นช่วงวันหยุด หรือช่วงสุดสัปดาห์ที่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องงาน อาจออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือฝึกหายใจด้วยโยคะ ปิดโทรศัพท์มือถือเมื่อเข้านอน หมั่นเเบ๊กอัพข้อมูลในโทรศัพท์มือถือไว้เสมอเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล

"แต่หากทำเเล้วรู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ห่างจากโทรศัพท์มือถือได้ ควรรีบปรึกษาจิตเเพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง"

นพ.ประยูร ทิ้งท้ายอีกด้วยว่า ยังมีวิธีการที่ง่ายที่สุดเมื่อเตรียมจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ทางแก้ไขคือเดินไปคุยกับใครสักคนที่อยู่ใกล้ๆ แค่นี้ก็จะพบว่าไม่ได้อยู่คนเดียวเเล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น